จากกิจกรรมใน Facebook หน้า www.facebook.com/krupnan ของเราในสัปดาห์ที่ผ่านมา พี่แนนเปิดประเด็นคำถามในการสอบสัมภาษณ์ของทุนคิงเอาไว้ว่า ถ้าหากกรรมการถามว่า "How can you adapt to the new environment?" เราจะตอบคำถามกันว่าอย่างไรบ้าง
ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจคำถามก่อนค่ะ adapt to คือ การปรับตัวในเข้ากับ new environment คือสภาพแวดล้อมใหม่ แน่นอนว่าการสัมภาษณ์ทุนเรียนต่างประเทศ ต้องเป็นการถามเพื่อวัดความสามารถในการรับมือกับปัญหา Culture shock หรือความแตกต่างทางวัฒนธรรมอย่างสุดขีด เช่น ฝรั่งอาจจะไม่ถือเรื่องของการ กอดเพื่อทักทาย แต่อาจจะถือมาก หากเค้าถามอะไรแล้วเราก็ยิ้มรับไปหมด ตอบได้ไม่ได้ไม่พูดยิ้มไปก่อน อันนี้เป็นความเชื่อผิดๆ และผิดมารยาททางวัฒนธรรมด้วยความต่างทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่มักจะพบในการไปเรียนต่างแดน ดังนั้น เมื่อเราเข้าใจคำถามแล้ว ไปดูแนวทางการตอบบ้างดีกว่าค่ะ
ตัวอย่างของนักเรียนทุนคิง ตัวจริงเสียงจริง เมื่อปี 2005 ตอบไว้ว่าอย่างนี้ค่ะ
Culture schock! I know that I’ll have to face it in the first place. However, as I was brought up and instructed by my family and the Thai society. I’m sure that I’ll manage to get through it finely and then I’ll think about the culture assimilation. Since I was young, my mom has always told and taught me to use my moral sense to judge things whether it’s right or wrong. So I think I can manage to adapt both cultures together and always have the traditional way of thinking like a Thai in my mind.
จะเห็นว่าจุดเด่นคือ
1.น้องเค้าตอบเข้าประเด็น ชัดเจน ทวนโจทย์ที่กรรมการถามเพื่อแสดงความเข้าใจทันที โดยการเริ่มต้นว่า Culture Shock! หรือคะ ฉันรู้แน่ว่าต้องเผชิญกับสิ่งนี้เมื่อแรกที่ไปถึงแน่ๆ
face sth. แปลว่า การเผชิญหน้า หรือประสบกับอะไร
in the first place แปลว่า ตั้งแต่แรก เป็นอย่างแรก
2. บอก Solution หรือการแก้ปัญหาโดยตรงประเด็นและชัดเจน
ในที่นี้น้องเค้าบอกว่า ฉัน be brought up มาจาก bring up แปลว่า ได้รับการเลี้ยงดู และ instructed คือ อบรมสั่งสอน จากครอบครัวและสังคม จึงมั่นใจได้ว่า I'll manage to get through it หมายถึงฉันก็จะสามารถจัดการให้ ผ่านพ้น ไปได้ จากนั้นก็ค่อยคิดกันต่อเรื่องการ ผสมผสานทางวัฒนธรรม หรือ culture assimilation
3. ยกตัวอย่างที่มีน้ำหนักมาสนับสนุนให้คำพูดน่าเชื่อถือ คือ
ยืนยันไปว่าคุณแม่สอนมาตั้งแต่เด็กเลยว่าให้ใช้ moral sense คือ ใช้เซนส์แบบมีศีลธรรม ในการตัดสินสิ่งต่างๆ เค้าจึงมั่นใจว่าเค้าสามารถ adapt คือปรับเอาสองวัฒนธรรมเข้าด้วยกันได้
จะเห็นว่านอกจากเรื่องของการตอบคำถามที่ชัดเจน ตรงประเด็น และมี Logic หรือมีเหตุมีผลที่น่าเชื่อถือแล้ว จะเห็นว่าน้องเค้ายังมีการใช้ภาษาที่สละสลวย ศัพท์ไม่จำเป็นต้องยากมาก แต่มีการใช้ Variety ของคำ
จากที่พี่แนนได้อ่านคำตอบของน้องๆ ใน Facebook จะเห็นว่า น้องๆ เข้าใจคำถามแล้ว และคำตอบของน้องๆ ก็เข้าเค้ามากๆ แล้วค่ะ เพียงแต่ลองไปปรับคำตอบให้ได้ 3 เคล็ดลับเด็ดเหมือนตัวอย่างที่พี่แนนยกมาให้ดูนะคะ
ทวนกันอีกทีค่ะ 1. ทวนคำถามเพื่อเช็คความเข้าใจ 2. ตอบตรงประเด็น ได้ใจความ 3. ยกเหตุผลที่น่าเชื่อถือมาสนับสนุน
ส่วนเรื่องการใช้คำที่สละสลวย และหลากหลายนั้น เป็นเรื่องที่ฝึกได้ง่ายๆ จากการอ่าน และการทวน Memolody อยู่เสมอนะคะ
น้องๆ สามารถทวน Memolody ที่สำคัญๆ พลาดไม่ได้ทาง www.enconcept.tv ได้เลยนะคะ พี่แนนมีทั้งเพลงและเนื้อร้องไว้ให้น้องๆ ด้วยจ้า
ติดตามกิจกรรมสนทนาภาษาอังกฤษกับพี่แนนได้เป็นประจำทุกวันศุกร์ เวลา 17.00 - 20.00 น. ทาง www.facebook.com/krupnan เจอกันนะคะ
เกี่ยวกับฉัน
วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
FAQ_01:คำถามเรื่องการใช้ Tense : Present Continuous และ Present Simple จากน้อง ญานิกา
มาทวน ค. รู้เรื่อง tense ที่ถามมากันนิดนึงนะคะ
Present Simple Tense
โครงสร้าง: S + V. 1+ Complement / Object
โครงสร้าง: S + V. 1+ Complement / Object
1. ใช้เมื่อแสดงความจริงตามธรรมชาติ หรือข้อเท็จจริงโดยทั่วไป
เช่น The sun rises in the east.
Light moves faster than sound.
2.ใช้แสดงการกระทำที่ทำจนเป็นนิสัยถาวร หรือทำซ้ำบ่อยๆ
I drink a glass of coffee every day.
3.ใช้ในประโยคคำสั่ง (Command) หรือประโยคขอร้อง (Request)จ้า
Please open the window.
เช่น The sun rises in the east.
Light moves faster than sound.
2.ใช้แสดงการกระทำที่ทำจนเป็นนิสัยถาวร หรือทำซ้ำบ่อยๆ
I drink a glass of coffee every day.
3.ใช้ในประโยคคำสั่ง (Command) หรือประโยคขอร้อง (Request)จ้า
Please open the window.
ต่างยังไงกับ Present Continuous Tense มาดูกันเลยค่ะ
โครงสร้าง : S + is / am / are + V. ing + Complement / Object
1. ใช้เพื่อแสดงเหตุการณ์หรือการกระทำที่กำลังเกิดขึ้นในขณะที่กำลังพูดอยู่
It’s raining now.
2.ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำ 2 อย่างที่กำลังเกิดขึ้นพร้อมๆ กันในปัจจุบัน
She is reading a book and (is) singing a song
หรือ ใช้แสดงเหตุการณ์หรือการกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
Thomas is coming here next week.
Are you doing anything this evening?
โครงสร้าง : S + is / am / are + V. ing + Complement / Object
1. ใช้เพื่อแสดงเหตุการณ์หรือการกระทำที่กำลังเกิดขึ้นในขณะที่กำลังพูดอยู่
It’s raining now.
2.ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำ 2 อย่างที่กำลังเกิดขึ้นพร้อมๆ กันในปัจจุบัน
She is reading a book and (is) singing a song
หรือ ใช้แสดงเหตุการณ์หรือการกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
Thomas is coming here next week.
Are you doing anything this evening?
เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น อย่าลืมทำโจทย์และทบทวนสิ่งที่พี่แนนสอนไปอยู่เสมอนะคะ ^__^
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)